สารอะฟลาทอกซิน คือ ?
อะฟลาทอกซิน เป็นสารที่ผลิตโดยเชื้อราในสกุล Aspergillus โดยมีหลายชนิดที่สามารถหลายชนิดที่สามาถผลิตอะฟลาทอกซินได้ แต่มีเชื้อราสองชนิดที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางเนื่องจากมีความสำคัญต่อการเกษตรและการแพทย์ คือ Aspergillus flavus และ Aspergillus parasiticus เชื้อราเหล่านี้สามารถพบได้ในธัญพืชที่สำคัญ เช่น ข้าวโพด ถั่วต่าง เช่น ถั่วลิสง เมื่อธัญพืชเหล่านี้ มีเชื้อราปะปน อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนสาร อะฟลาท็อกซิน นำเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และสัตว์ที่มีการบริโภคธัญพืชเหล่านี้เข้าไป เมื่อบริโภคเข้าไปสารพิษเหล่านี้มีศักยภาพที่จะส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุขภาพของมนุษย์.พวกมันถูกจำแนกโดย International Agency for Research on Cancer (IARC) หน่วยงานเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง จัดจำแนกให้สาร “อะฟลาท็อกซิน” เป็น สารก่อมะเร็ง กลุ่มที่ 1 โดย สารนี้จะก่อให้เกิดพิษโดยเฉพาะที่ตับ และจะทำให้เกิดการทำลายส่วนประกอบของ DNA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารเมทาบอไลด์ของอะฟลาท็อกซิน ได้แก่ คืออะฟลาทอกซินบี1 (AFB1) ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะทำลาย DNA โดยผลการวิจัยพบว่า สาร อะฟลาท็อกซิน อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดมะเร็งตับ (HCC) 4.6-28.2% ทั่วโลก
การเข้าทำลายของเชื้อราและการสร้างอะฟลาทอกซินในถั่วลิสง
เนื่องจากเชื้อ Aspergillus flavus และ Aspergillus parasilicus อาศัยอยู่ในดิน และถั่วลิสงเองก็เป็นพืชที่สร้างฝักอยู่ในดินโอกาสที่เชื้อทั้งสองชนิดจะเข้าทำลายฝักและสร้างอะฟลาทอกซินในเมล็ดถั่วลิสงจึงมีสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น จากการที่เชื้อที่อยู่ในดินเข้าไปแฝงตัวอยู่บนผิวเปลือกฝัก โดยใช้อินทรียวัตถุที่อยู่ในดินหรือสารที่ถูกขับออกมาจากฝักถั่วเป็นอาหาร ในสภาพปกติเชื้อทั้งสองชนิดนี้จะไม่สามารถเข้าไปภายในฝักได้ เนื่องจากแบคทีเรียและเชื้อราชนิดอื่นที่อยู่บนผิวฝักเจริญเติบโตได้ดีกว่าจึงแย่งอาหารและพื้นที่ไปใช้ และถั่วลิสงยังมีความต้านทานตามธรรมชาติในการป้องกันตัวเอง แต่เมื่อถั่วลิสงขาดน้ำจนทำให้ความชื้นบริเวณผิวเปลือกลดลงต่ำกว่า 30% (โดยน้ำหนัก) เชื้อชนิดอื่นจะเจริญเติบโตได้ช้าลงหรือหยุดการเจริญ ท้ำให้ Aspergillus flavus และ Aspergillus Parasiticus เจริญขึ้นมาแทนที่
การตรวจวัดสาร อะฟลาท็อกซิน ในอาหาร โดยเฉพาะ ถั่ว จึงมีความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบัน สามารถตรวจวัดสาร อะฟลาท็อกซิน ได้โดยวิธีการโครมาโทรกราฟฟี เช่น HPLC หรือ LCMS อย่างไรก็ตาม การจะแยกสาร อะฟลาท็อกซิน ออกจากอาหาร เป็นเรื่องยาก เนื่องจากอาหาร มีสิ่งเจือปนมากมาย ดังนั้นจึงต้องอาศัยการเตรียมตัวอย่างและแยกสาร อะฟลาท็อกซิน ออกจากอาหาร
เราสามารถตรียมตัวอย่างเพื่อแยก สาร อะฟลาท็อกซิน ออกจากตัวอย่างอาหาร และตัวอย่างที่ต้องการตรวจวัดได้หลากหลายวิธี เช่น การทำ liquid-phase extraction และ solid-phase extraction แต่การเตรียมตัวอย่างที่ได้ผลดี มีประสิทธิภาพ และสามารถเตรียมตัวอย่างได้อย่างรวดเร็ว คือ วิธี solid-phase extraction
โดย ทาง Supelco ภายใต้ MERCK มีผลิตภัณฑ์การเตรียมตัวอย่างสาร อะฟลาท็อกซิน โดยเฉพาะ ซึ่งมีความจำเพาะเจาะจงสูง สามารถขจัดสิ่งรบกวนที่เกี่ยวข้องกับสารพิษจากเชื้อรา เพื่อการวิเคราะห์ทางโครมาโทรกราฟฟี ได้เป็นอย่างดี เป็นวิธีการขั้นพื้นฐานและรวดเร็วโดยไม่ต้องเพิ่มเติมวิธีการอื่นๆ สามารถลดระยะเวลาการแยกสาร อะฟลาท็อกซิน ได้ดีกว่า วีธีการทาง immune affinity
Description | Use |
Supel™ Tox AflaZea | Cleanup of grains, feed, TMR samples, peanuts, peanut products, and aqueous solutions for detection of aflatoxin and zearalenone |
Supel™ Tox DON | Cleanup of wheat, flour and corn for detection of deoxynivalenol (DON) |
Supel™ Tox Tricho | Cleanup of grains and complex matrices for detection of Type A and B Trichothecenes |
Supel™ Tox TrichoBind | Cleanup of grains and complex matrices for the detection and purification of Type A and B Trichothecenes |
Supel™ Tox FumoniBind | Cleanup of whole grains and cereals for detection of fumonisin (B1 and B2) |
Supel™ Tox OchraBind | Cleanup of whole grain and feed samples for the detection of ochratoxin A |
Product application
Analysis of Aflatoxin B1, B2, G1, and G2 in Corn Meal, Wheat Meal, and Raw Peanut Paste Matrices
Description | Qty. | Cat. No. |
Supel™ Tox AflaZea SPE Cartridge, 6 mL | 30 | 55314-U |
Supel™ Tox DON SPE Cartridge, 6 mL | 30 | 55316-U |
Supel™ Tox Tricho SPE Cartridge, 6 mL | 30 | 55308-U |
Supel™ Tox TrichoBind SPE Cartridge, LRC | 25 | 55307-U |
Supel™ Tox FumoniBind SPE Cartridge, LRC | 25 | 55315-U |
Supel™ Tox OchraBind SPE Cartridge, LRC | 25 | 55318-U |
Product in local website